1. การเขียน Email ขอบคุณ
ในบางครั้งหลังจากที่เราสัมภาษณ์เสร็จแล้วหลายๆ คนก็อาจจะเคว้งไปได้เนื่องจากไม่รู้จะทำอย่างไรต่อดีแต่ผมขอให้มีสติไว้ครับอย่างแรกเลยที่เราพอจะทำได้หลังจากสัมภาษณ์งานผ่านไปและไม่เป็นการไปเร่งฝ่ายบุคคลแถมยังทำให้เราดูเป็นมืออาชีพ (Professional) ก็คือการเขียนจดหมายขอบคุณอย่างน้อยก็ผ่านมาซัก 1 วันครับ ซึ่งจดหมายที่เขียนไปนั้นก็อาจจะไม่ต้องยาวมากนักแต่ต้องเฉพาะเจาะจงไปที่การสัมภาษณ์เลยและใช้ภาษาที่สุภาพอ่อนโยนและอาจจะปิดท้ายเล็กน้อยว่าเรารอการตอบรับที่ดีจากทางบริษัทอยู่แค่นี้ผมว่าก็เพียงพอสำหรับขั้นแรกแล้วครับ
2. โทรคุยหรือถามให้เสร็จตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์
อีกวิธีที่ถือว่าฮาร์ดคอร์พอสมควรหรือมองอีกนัยยะก็อาจจะแปลได้ว่าเราเป็นคนที่ค่อนข้างเอาจริงเอาจังกับชีวิตนั่นคือวิธีโทรถามจากเบอร์ฝ่ายบุคคลที่เราสัมภาษณ์งานด้วยนั่นเอง ซึ่งเคล็ดลับของการโทรเพื่อติดตามงานก็คงไม่ต้องบอกเยอะกันหรอกนะครับเพราะหลายท่านก็คงพอจะเข้าใจกันอยู่แล้วอย่างน้อยก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะอ่อนหวานและอย่างน้อยก็ควรทิ้งห่างประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ หรือถ้าใครไม่ชอบโทรเนื่องจากไม่ได้เห็น React ของผู้สัมภาษณ์ก็อาจจะใช้วิธีถามตั้งแต่ตอนสัมภาษณ์อยู่ เช่น หลังจากสัมภาษณ์แล้วเราจะรู้ผลภายในกี่วันทางช่องทางไหนเป็นต้นเพื่อที่เราจะได้เคลียร์ว่าควรจะติดตามได้ทางช่องไหนครับ
3. ใช้วิธีกดดันแต่ก็อย่ามากไป
อีกวิธีที่บางครั้งเราก็คงไม่ได้สัมภาษณ์งานที่เดียวหรือรอเพียงที่เดียวที่สมัครไปจริงไหมครับ ดังนั้น บางครั้งที่ที่เราอยากเข้าทำงานด้วยอาจจะมาช้าจนทำให้ที่ที่เราสำรองไว้เรียกตัวเราก่อนเพื่อคอนเฟิร์ม ดังนั้นก่อนจะตอบตกลงไปเราเองถ้ายังอยากที่จะได้งานจากที่แรกอยู่ก็อาจจะติดต่อกลับไปที่เดิมหรือเขียนอีเมลถึงเพื่ออธิบายว่าเราได้ข้อเสนอใหม่จากที่อื่นมาแต่เราก็พูดในมุมที่ว่าเรายังคงชื่นชอบและความเป็นวัฒนธรรมองค์กรของคุณอยู่และปิดท้ายด้วยว่าเราก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้การตอบรับจากคุณในเร็ววันครับ อย่างน้อยวิธีนี้ก็อาจจะทำให้คนในองค์กรเริ่มเห็นว่าเพรชเม็ดนี้กำลังจะมีคนแย่งไป ดังนั้น ก็ต้องมีการเร่งกระบวนการอยู่บ้างถ้าเขายังต้องการเรามาร่วมงานด้วยอยู่นะครับ
4. ตามต่อถ้าคิดว่าเป็นบริษัทที่ใช่
ถ้าเราคิดว่าตอนที่เราสัมภาษณ์งานอยู่นั้นทุกอย่างดูเป็นไปได้ด้วยดีเหมือนว่าคุณจะได้งานนั้นแน่ๆ แต่ถ้าผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วกลับยังเงียบซึ่งบางครั้ง HR เองก็อาจจะใช้เวลาในการตัดสินใจอยู่พอสมควรจึงทำให้แจ้งล่าช้าได้ แต่ถ้าผู้อ่านไม่อยากรอแล้วก็อาจจะต้องติดต่อกลับไปเพื่อขอความคิดเห็นเพิ่มเติมจากผู้ที่สัมภาษณ์เราแต่ก็อย่าลืมขอบคุณเขานะครับที่สละเวลามาให้คำแนะนำและอีกอย่างถ้าติดต่อเขาได้เราก็ควรที่จะใช้โอกาสสุดท้ายในครั้งนี้เพื่อแสดงความเป็นตัวเราว่าถ้าได้มาอยู่บริษัทนี้แล้วจะแสดงศักยภาพทางด้านไหนและจะมาช่วยให้บริษัทเปลี่ยนแปลงหรือพัฒนาไปทิศทางไหนบ้างครับ
ท้ายที่สุดแล้วนะครับ การสมัครงานยังเป็นอะไรที่เหนื่อยยากและใช้พลังงานมากระดับหนึ่งทีเดียว แต่ถึงอย่างนั้นการรอคอยการตอบรับจากที่ทำงานก็ยังนานอยู่เสมอและต่อให้ใช้วิธีต่างๆ เพื่อการติดตามผลสัมภาษณ์ดังที่กล่าวมาข้างต้นก็ใช่ว่าแต่ละวิธีจะใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้สมัครเองแต่ถึงอย่างไรผมก็ให้เน้นเรื่องมารยาทไว้ก่อนครับเพราะการมีสัมมาคารวะไว้ก็ใช่ดีกว่าไม่มี ดังนั้น ต่อให้เราใช้เวลารอนานเพียงไหนก็อย่าลืมมองหาโอกาสหรือน่านน้ำแห่งใหม่ไว้นะครับ
อ่านบทความอื่นๆ ของ Jobbee.work ได้ที่