จากบทความก่อนหน้าที่เราได้เกริ่นไปเกี่ยวกับเรื่องควรรู้ก่อนการทำอาชีพเสริม บางคนก็อาจยังลังเลว่ามันจะส่งผลถึงงานประจำหรือชีวิตประจำวันของเราอย่างไรบ้าง รายได้จะคุ้มค่ากับเวลาและแรงที่เสียไปหรือไม่ วันนี้ Jobbee เลยนำข้อดีข้อเสียมาเปรียบเทียบเพื่อช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
ข้อดี
1. มีรายรับมากขึ้น

แน่นอนว่าประโยชน์ของการทำอาชีพเสริมจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากการมีรายได้เพิ่มขึ้น การทำอาชีพเสริมจำทำให้คุณหาเงินได้มากขึ้น (ตราบใดที่คุณไม่ได้มีรายจ่ายเพิ่มเติมกับอาชีพเสริม) มีเงินเก็บมากขึ้น เงินลงทุนมากขึ้นและที่สำคัญเลยมีเงินใช้จ่ายมากขึ้น
ซึ่งถ้าปัจจุบันคุณมีเงินใช้จ่ายแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง มีเงินไม่พอใช้จนถึงสิ้นเดือน การหาอาชีพเสริมถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่ทำให้คุณหายใจได้ทั่วท้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งเมื่อมีรายได้เพียงพอต่อการใช้จ่ายภายในครอบครัวก็สามารถช่วยลดความตึงเครียดซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสภาพคล่องทางการเงินภายในครอบครัวได้อีกด้วย
2. มีแผนสำรองรองรับหากงานหลักมีการเปลี่ยนแปลง

การมีอาชีพเสริมถือเป็นเครื่องมือประกันความมั่นคงทางการเงินและประกันความมั่นคงชั้นดีในกรณีที่คุณตกงาน นอกจากนี้หากคุณเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในอุตสหกรรมหรือบริษัทที่กำลังสั่นคลอนในช่วงเวลาแบบนี้แล้วคุณเองก็ยังไม่รู้สถานะตัวเองแน่นอน (ไม่ไม่แน่ใจว่าบริษัทจะเชิญออกหรือไม่) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญเลยทีเดียวสำหรับช่วงที่สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้
3. ได้โอกาสที่จะเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ และได้ทำในสิ่งที่ชอบ นอกจากนั้นยังได้เงินจากสิ่งนั้นอีก

ถ้าคุณมีโอกาสได้ทำงานเสริมที่ทำให้ได้เรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือ ใช้ประโยชน์จากงานอดิเรกที่คุณทำอยู่ การมีอาชีพเสริมจะเป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะได้ใช้เวลากับสิ่งที่คุณสนใจและยังเป็นงานอดิเรกเพิ่มรายได้ให้คุณได้อีกด้วย
4. ได้โปรไฟล์ใส่ในเรซูเม่สวยๆ + เป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนงาน / เลื่อนขั้นชั้นดี

อาชีพเสริมอาจจะเป็นลู่ทางให้คุณได้ทดลองทำงานใหม่ๆ หรือ สร้างทักษะที่จำเป็นสำหรับการเลื่อนตำแหน่งในประจำของคุณได้ หากคุณคือคนที่กำลังมองหาควาก้าวหน้าในหน้าที่การงาน งานเสริมก็ถือเคล็ดลับการสร้างความก้าวหน้าในชีวิตทำงานได้ดีเช่นกัน
ข้อเสีย
1. มีเวลาว่างน้อยลง

ข้อเสียที่เห็นได้ชัดจากการทำอาชีพเสริมนั้นคือคุณจะมีเวลาว่างให้ตัวเอง ให้เพื่อน ให้ครอบครัวและคนสนิทน้อยลง ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่คนส่วนใหญ่มักจะผลาญเวลาอันมีค่าไปกับอะไรไร้สาระ อาทิเช่น การไถทวิตเตอร์หรืออินสตราแกรมไปเรื่อยๆโดยที่ไม่ได้คิดอะไร หรือการนอนรากงอกดู Netflix อยู่บนโซฟาเป็นชั่วโมง เพราะฉะนั้นลองเปลี่ยนเวลาที่เหลือของคุณเวลาทำงานเสริมจะช่วยให้คุณรักษาการเป็นคนเข้าสังคมได้ในขณะคุณทำงานเสริม
2. ความเครียด

การมีงานถาโถมเข้ามาอาจจะเป็นสิ่งที่บางคนไม่สามารถรับไหว ถ้าคุณเริ่มสังเกตุสัญญาณที่บ่งบอกถึงอาหารเหนื่อยล้าจากการทำงานหนัก (เช่น อาการปวดเมื่อยตัว เจ็บป่วยบ่อยๆ หรือแม้กระทั่งการที่ผมร่วงเยอะขึ้น) คุณควรจะเริ่มคิดได้แล้วว่าการทำงานเสริมมันคุ้มค่ากับสุขภาพที่เสียไปมั้ย
3. เพิ่มความยุ่งยากเรื่องการยื่นภาษี
การทำอาชีพเสริมจะทำให้การยื่นภาษีหรือการคิดภาษีมีความยุ่งยากมากยิ่งขึ้น บางคนอาจจะยังไม่ทราบแต่ภาษีเงินได้สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายรับทางเดียวกับภาษีเงินได้สำหรับมนุษย์เงินเดือนที่มีรายได้เสริมย่อมมีความแตกต่างกัน ซึ่งเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุดคือการปรึกษาผู้มีความรู้ด้านนี้หรือเข้าไปเช็คข้อมูลที่กรมสรรพากร โดยตรงเพื่อให้มั่นใจว่าคุณ้สียภาษีได้ถูกต้องตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้
ทางด้านล่างนี้จะเป็นการเปรียบเทียบสำหรับคนที่มีการประจำหับคนที่มีอาชีพเสริมมาให้ดูกันนะคะ

4. ภาวะหมดไฟในการทำงาน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ พอจะเห็นข้อดีและข้อเสียของการทำอาชีพเสริมเพิ่มขึ้นกันบ้างหรือเปล่า ใครคิดว่าไหว คิดว่าท้าทายก็ลองหาอาชีพเสริมที่เข้ากับตัวเองดูนะคะ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้เจออะไรใหม่ๆ ค่ะ
เรียบเรียงและแปลจาก fairygodboss.com/career-topics/working-two-jobs